วันนี้เคล็ดลับภาษาอังกฤษที่ปิ่นเอามาฝากก็คือ 5 Nouns to sound smart >> คำนาม 5 คำ ที่เวลาเราพูดแล้วจะทำให้เราดูดี ดูเท่ขึ้นนั่นเองนะคะ
ซึ่ง 5 คำนี้ จะค่อนข้างทางการเล็กน้อย โดยที่เราสามารถนำไปใช้ในการพูดแบบทางการ หรือในการเขียนเอกสารทางการ หรือจะเอาไว้ใช้พูดเวลาที่อยากให้คนอื่น หรือ เจ้าของภาษา หรือ native speaker รู้สึกว่าเรารู้ศัพท์เยอะ ก็สามารถเอาใช้ได้เหมือนกันค่ะ
คำแรก คือ Bedlam แปลว่า chaos และ disorder คือ สภาพที่สับสนวุ่นวาย หรือ สภาพที่โกลาหล
เช่น The streets were in bedlam during the protests.
คำที่สอง คือ Gall แปลว่า nerve หรือ bold courage คือ ความกล้า
เช่น She has the gall to call me lazy.
คำที่สาม คือ Juxtaposition ซึ่ง Juxta แปลว่า near หรือ ใกล้ ดังนั้น Juxtaposition จึงแปลว่า near in position คือ วางติดกัน >> When two things are in juxtaposition means “near to each other, place next to each other” ซึ่งเราจะใช้คำนี้เวลาที่เปรียบเทียบสองสิ่งที่ไม่เหมือนกัน
เช่น A child next to an old man is a strong juxtaposition.
คำที่สี่ คือ Quagmire แปลว่า a difficult situation ภาวะยากลำบาก ที่ยากจะหนีออกไปจากภาวะนั้นๆ
เช่น The war has created a quagmire.
คำที่ห้า คือ Rabble แปลว่า a mob of common people หรือ ม็อบ
เช่น The police couldn’t control the rabble.
และที่ต่อเนื่องจาก Rabble อีกคำนึงก็คือ Rabble rouser คือ คนที่เป็นคนปลุกระดมนั่นเองค่ะ
มีคนอยากจะให้ปิ่นพูดถึง Idioms หรือสำนวนด้วย ซึ่งปิ่นก็รับปากไว้ว่าจะนำเสนอวันละสำนวน และสำนวนที่เอาฝากในวันนี้ก็คือ.... คื้อ......
คือช่วงสัปดาห์ก่อน มีฝนตกหนักบ้างบางวัน ปิ่นก็เลยนึกถึงสำนวนเกี่ยวกับฝน ที่บอกว่าฝนตกหนักมาก บางคนอาจจะนึกออก ถ้าเราจะบอกว่าฝนตกหนักมาก ก็คงจะหนีไม่พ้นสำนวนนี้ คือ
It’s raining cats and dogs. คือฝนตกลงมาเป็นหมาเป็นแมว หรือตกหนักนั่นเองค่ะ
อ้างอิง : http://www.youtube.com/watch?v=9jxeliAUOQY&sns=em
Here is a space under my view. And I hope this messages that distilled from this perspective can help fulfill some missing part of people. If you come to this line. That means you are ready to find something that you're missing.
Thursday, June 25, 2015
Thursday, June 4, 2015
[อังกฤษ 3] 13 Book Expressions
วันนี้ปิ่นเอา Expression เกี่ยวกับ book มาฝากกันค่า
มี 13 Book Expressions ด้วยกันนะคะ
- อันแรก “Bookworm” อันนี้ในภาษาไทยเราก็มีนะคะ ถ้าแปลตรงตัวก็คือ หนอนหนังสือนั่นเองค่า
เช่น John is a bookworm. นั่นคือ John loves to read. ก็คือ จอห์นเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือค่า หรือจอห์นเป็นหนอนหนังสือนะค้า
- สอง “Hit the books” อันนี้แปลว่า study ค่า
ตัวอย่างประโยค เช่น I gotta hit the books tonight.
gotta มาจาก got to ซึ่งคำเต็มมาจาก have got to ซึ่งหมายถึง “จะต้อง”
ดังนั้นประโยค I gotta hit the books tonight. ถ้าพูดแบบเต็มๆ ก็คือ I have got to hit the books tonight.
ซึ่งก็คือ I have got to study tonight. นั่นเองค่า
- สาม “Don’t judge a book by its cover” ถ้าแปลตรงตัวคือ อย่าตัดสินหนังสือเล่มไหนด้วยปก นั่นเองนะคะ
เพราะว่าหนังสือบางเล่ม แม้ปกจะดูไม่น่าดึงดูด แต่พอได้ลองอ่านแล้ว บางทีเราอาจจะตกหลุมรักหนังสือเล่มนั้นก็เป็นได้ค่า
ซึ่งสำนวนนี้ใช้ได้กับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือคน นะคะ
- สี่ “To be in someone’s good books” อันนี้เป็นสำนวน แปลว่า เป็นที่ชื่นชอบของบางคน หรือทำให้บางคนรู้สึกพอใจค่า
ตัวอย่างประโยค เช่น Mulan is in the teacher’s good books. ซึ่งก็คือ มู่หลานเป็นที่รัก หรือที่ชื่นชอบของคุณครู นั่นเองค่า
- ห้า “By the book” แปลว่า follow the rules closely “ทำตามกฎ” เช่น When you play soccer, you should play by the book. แปลว่า เวลาเล่นฟุตบอลเราก็ควรเล่นตามกติกา ค่า
- หก “To book” อันนี้คิดว่าคงจะเคยคุ้นหูกันมาบ้างนะคะ To book แปลว่า Make an appointment หรือ
To reserve something ถ้าแปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ “จอง” ค่า
ตัวอย่างประโยค เช่น I booked the meeting room for 3 pm. = ฉันจองห้องประชุมไว้ตอนบ่าย 3 โมง
- เจ็ด “Read someone like a book” คือ อ่านใจคนออกนั่นเอง
- แปด และเก้า “Open book” และ “Closed book”
เช่น Her thoughts are an open book. คือ เธอเป็นคนที่อ่านความคิดได้ง่าย
My students know I’m angry because I’m an open book.
- สิบ “To throw the book at someone” อันนี้ไม่ได้แปลว่าให้โยนหนังสือใส่ใครนะคะ
แต่แปลว่า ตัดสินว่าผิด โดยมากจะใช้เวลาพูดเกี่ยวกับกฎหมาย หรือใช้เวลาไปที่ศาลค่า เช่น Judge Judy throw the book at him. คือ ตัดสินว่าเขาผิดนั่นเอง
- สิบเอ็ด “Every trick in the book” = ทำทุกสิ่งที่จะทำได้ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
I’ve tried every trick in the book to get my students to do their homework.
เด็กส่วนใหญ่มักจะชอบเล่นซน มากกว่าการเรียนนะคะ ดังนั้น ปกติคุณครูมักจะหลอกล่อลูกศิษย์ทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกศิษย์ทำการบ้านค่า
- สิบสอง “The oldest trick in the book” เป็นแบบว่ามุขเดิมๆ เช่น
Writing the answers on your arm before a test is the oldest trick in the book.
เวลาเด็กนักเรียนจะลอกข้อสอบ บางคนก็จะเขียนคำตอบไว้บนแขนแล้วแอบเอาข้อมูลเข้าห้องสอบไปด้วย
ซึ่งอันนี้ทุกคนก็รู้ว่าเป็นลูกไม้ที่เก่ามากๆ ใครๆ ก็เคยทำกัน เค้ารู้กันหมดแล้วนะคะ
- และ Book expression สุดท้าย ก็คือ “In my book” แปลว่า In my opinion
เช่น She is very kind in my book. ก็คือ In my opinion she is very kind. ค่า
อ้างอิง : http://youtu.be/NcjNSj5wSs4
มี 13 Book Expressions ด้วยกันนะคะ
- อันแรก “Bookworm” อันนี้ในภาษาไทยเราก็มีนะคะ ถ้าแปลตรงตัวก็คือ หนอนหนังสือนั่นเองค่า
เช่น John is a bookworm. นั่นคือ John loves to read. ก็คือ จอห์นเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือค่า หรือจอห์นเป็นหนอนหนังสือนะค้า
- สอง “Hit the books” อันนี้แปลว่า study ค่า
ตัวอย่างประโยค เช่น I gotta hit the books tonight.
gotta มาจาก got to ซึ่งคำเต็มมาจาก have got to ซึ่งหมายถึง “จะต้อง”
ดังนั้นประโยค I gotta hit the books tonight. ถ้าพูดแบบเต็มๆ ก็คือ I have got to hit the books tonight.
ซึ่งก็คือ I have got to study tonight. นั่นเองค่า
- สาม “Don’t judge a book by its cover” ถ้าแปลตรงตัวคือ อย่าตัดสินหนังสือเล่มไหนด้วยปก นั่นเองนะคะ
เพราะว่าหนังสือบางเล่ม แม้ปกจะดูไม่น่าดึงดูด แต่พอได้ลองอ่านแล้ว บางทีเราอาจจะตกหลุมรักหนังสือเล่มนั้นก็เป็นได้ค่า
ซึ่งสำนวนนี้ใช้ได้กับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือคน นะคะ
- สี่ “To be in someone’s good books” อันนี้เป็นสำนวน แปลว่า เป็นที่ชื่นชอบของบางคน หรือทำให้บางคนรู้สึกพอใจค่า
ตัวอย่างประโยค เช่น Mulan is in the teacher’s good books. ซึ่งก็คือ มู่หลานเป็นที่รัก หรือที่ชื่นชอบของคุณครู นั่นเองค่า
- ห้า “By the book” แปลว่า follow the rules closely “ทำตามกฎ” เช่น When you play soccer, you should play by the book. แปลว่า เวลาเล่นฟุตบอลเราก็ควรเล่นตามกติกา ค่า
- หก “To book” อันนี้คิดว่าคงจะเคยคุ้นหูกันมาบ้างนะคะ To book แปลว่า Make an appointment หรือ
To reserve something ถ้าแปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ “จอง” ค่า
ตัวอย่างประโยค เช่น I booked the meeting room for 3 pm. = ฉันจองห้องประชุมไว้ตอนบ่าย 3 โมง
- เจ็ด “Read someone like a book” คือ อ่านใจคนออกนั่นเอง
- แปด และเก้า “Open book” และ “Closed book”
เช่น Her thoughts are an open book. คือ เธอเป็นคนที่อ่านความคิดได้ง่าย
My students know I’m angry because I’m an open book.
- สิบ “To throw the book at someone” อันนี้ไม่ได้แปลว่าให้โยนหนังสือใส่ใครนะคะ
แต่แปลว่า ตัดสินว่าผิด โดยมากจะใช้เวลาพูดเกี่ยวกับกฎหมาย หรือใช้เวลาไปที่ศาลค่า เช่น Judge Judy throw the book at him. คือ ตัดสินว่าเขาผิดนั่นเอง
- สิบเอ็ด “Every trick in the book” = ทำทุกสิ่งที่จะทำได้ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
I’ve tried every trick in the book to get my students to do their homework.
เด็กส่วนใหญ่มักจะชอบเล่นซน มากกว่าการเรียนนะคะ ดังนั้น ปกติคุณครูมักจะหลอกล่อลูกศิษย์ทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกศิษย์ทำการบ้านค่า
- สิบสอง “The oldest trick in the book” เป็นแบบว่ามุขเดิมๆ เช่น
Writing the answers on your arm before a test is the oldest trick in the book.
เวลาเด็กนักเรียนจะลอกข้อสอบ บางคนก็จะเขียนคำตอบไว้บนแขนแล้วแอบเอาข้อมูลเข้าห้องสอบไปด้วย
ซึ่งอันนี้ทุกคนก็รู้ว่าเป็นลูกไม้ที่เก่ามากๆ ใครๆ ก็เคยทำกัน เค้ารู้กันหมดแล้วนะคะ
- และ Book expression สุดท้าย ก็คือ “In my book” แปลว่า In my opinion
เช่น She is very kind in my book. ก็คือ In my opinion she is very kind. ค่า
อ้างอิง : http://youtu.be/NcjNSj5wSs4
Subscribe to:
Posts (Atom)