เคล็ดลับภาษาอังกฤษที่ปิ่นเอามาฝากวันนี้ คือ Mixed
Conditionals คือ ประโยคเงื่อนไข ที่มี If อยู่ในประโยคนะคะ
ซึ่งโดยทั่วไปจะมีประโยคเงื่อนไข
4 แบบด้วยกัน ก็คือ
แบบที่ 1 If I won the lottery, I would buy a
house. >> unreal future or present ตรงข้ามกับเป็นจริงในปัจจุบันหรืออนาคต
จากตัวอย่างประโยคหมายความว่า ถ้าฉันถูกลอตเตอรี่ ฉันจะซื้อบ้าน
ซึ่งฉันไม่ได้ถูกลอตเตอรี่ ซึ่งเป็นการพูดที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงในปัจจุบัน (โครงสร้างของประโยค : If
Past Simple Tense, Future in the past ก็คือ เปลี่ยน will เป็น would + V1)
แบบที่ 2 If I had known she was coming, I would
have come too. >> unreal past ไม่เป็นความจริง
เพราะกำลังพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต และไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
ซึ่งประโยคนี้หมายความว่า ถ้าฉันรู้ว่าเธอกำลังมา ฉันก็คงจะมาด้วย
ซึ่งพูดถึงเรื่องที่เกิดในอดีต ที่ไม่สามารถจะกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว (โครงสร้างของประโยค : If Past Perfect Tense, would + have + V3)
แบบที่ 3 If you boil water, it evaporates. ถ้าฉันต้มน้ำ มันก็จะกลายเป็นไอ >> real conditional ใช้พูดเกี่ยวกับความเป็นจริง (โครงสร้างของประโยค : If Present Simple Tense, Present Simple
Tense)
แบบที่ 4 If you study hard, you will pass the
test. ถ้าเธอเรียนอย่างหนัก ก็จะสอบผ่าน >> real
situation คือ ถ้าเราทำสิ่งหนึ่ง อีกสิ่งจะเกิด ซึ่งเป็นความจริง (โครงสร้างของประโยค : If
Present Simple Tense, will + V1)
แต่สำหรับ Mixed Conditionals จะเป็นการผสมผสานของแต่ละแบบเข้ามาผสมปนเป
ซึ่งเหมือนจะเป็นข้อยกเว้นของ 4 แบบข้างต้น โดยสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้น คือ
การสังเกตจาก Context บริบทรอบๆ คำที่ใช้ ตัวอย่างประโยคคือ
If
you didn’t study computers in high school, you might find this course
difficult. >> ประโยคแรกเป็น Past Simple Tense ประโยคต่อมาเป็น future เมื่อมาดูความหมายก็ดู make
sense คือ ถ้าเราไม่ได้เรียนคอมพิวเตอร์ในอดีต
เราก็จะพบว่าคอร์สนี้เป็นคอร์สที่ยาก
If
you didn’t want to buy that shirt, you shouldn’t have. (bought it) >> ในประโยคนี้คือได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตคือได้มีการซื้อเสื้อไปแล้ว
คือ จริงๆ ถ้าคุณไม่ต้องการซื้อ คุณก็ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้ คือ จริงๆ
คุณไม่จำเป็นต้องซื้อ แต่คุณก็ซื้อมันไปแล้ว โดยคุณไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้ (If
Past Simple Tense, Present Perfect)
If
you go, I will go too. (If Present Simple Tense, will + V1) แม้ในประโยคแรกจะเป็น Present Simple แต่ในความหมายนี้เป็นความหมายในเชิง
Future คือ ถ้าคุณไป อาจจะไปงานปาร์ตี้สัปดาห์หน้า
ฉันก็จะไปด้วย
If
I had won the competition, I would have a great job now. (If Past Perfect Tense,
would + V1 + now)
ถ้าฉันชนะการแข่งขัน
(ในอดีต) ฉันคงจะได้งานที่ดีในตอนนี้ แต่ความเป็นจริงคือฉันไม่ได้ชนะ
และฉันก็ไม่ได้งานที่ดี (I
would have but I don’t) ประโยคท้ายสามารถพูดอีกอย่างได้ว่า I
would land a great job now. ซึ่ง land แปลว่า
get
If
you will please follow me, I will show you to your table. หรือ If
you would, follow me please, I will show you to your table. >>
อันนี้ไม่ใช่ conditional แต่เป็น a very
formal expression คือ การพูดแบบสุภาพ ซึ่งจะมีการใช้ในร้านอาหาร (a
very fancy restaurant) เป็นการพูดแบบสุภาพของ “follow me”
If
it will help my case, I will take the test. ประโยคแรก คือ ผล (result), ส่วนประโยคที่ 2 คือ ส่วนที่จะทำเพื่อให้ได้ผล (action) ซึ่งก็คือ เหตุ นั่นเอง >> หรือ If
it helps, I will take the test. ซึ่งอันนี้เป็น regular
condition
If
I knew how to cook, I would have made you dinner instead. บางทีเราอาจจะพาเพื่อนไปกินข้าว
แล้วอาหารไม่อร่อย แล้วเพื่อนก็อาจจะอารมณ์เสีย
แต่เพราะเราทำอาหารไม่เป็นเราเลยพาเพื่อนไปกินที่ร้านอาหาร แล้วเราก็มโนต่อว่า
ถ้าฉันรู้วิธีทำอาหาร ฉันก็คงทำอาหารเย็นให้เธอทานแล้ว ซึ่งอันนี้เป็น unreal
situation
If
I weren’t so busy, I would go with you. ถ้าฉันไม่ยุ่ง
ฉันก็คงจะไปกับคุณ แต่ความเป็นจริงคือ ฉันยุ่งมาก ฉันก็เลยไม่ได้ไปกับคุณ
If
my parents weren’t going away next weekend, I would have invited you yesterday.
ประโยคแรกใช้ Past simple แต่กำลังพูดถึง Future
ประโยคต่อมาพูดถึงสิ่งที่ would have done เมื่อวาน
>> ซึ่งถ้าสิ่งนี้ไม่เป็นจริงสำหรับสุดสัปดาห์หน้า (If
this weren’t true about next weekend) ซึ่งในที่นี้เมื่อวานที่ฉันพูดกับเธอและฉันไม่ได้เชิญเธอมา
ก็เพราะฉันรู้ว่าเดี๋ยวพ่อแม่ฉันก็ไป ซึ่งก็คือ If they weren’t going, I would
have invite you yesterday
และ Idioms หรือสำนวนที่จะเอามาฝากในวันนี้
ก็คือ “take it easy” ค่ะ ซึ่ง “take
it easy” มี 3 ความหมายด้วยกันนะคะ อันแรกคือใช้ในกรณีบอกลา
มีความหมายประมาณว่าดูแลตัวเองด้วย
ส่วนความหมายที่ 2 คือ
บอกว่าให้ทำอะไรแบบนุ่มนวลนิดนึง เช่น เราอาจจะให้เพื่อนช่วยยกเปียโน
แต่เพื่อนเค้าไม่ค่อยได้สนใจว่าเปียโนจะหักมั้ย คือ ยกแบบไม่ระวังอ่ะนะคะ
เราก็จะใช้ว่า Come on. Take it easy! It’s not made of steel, you know. คือ ยกระวังๆ หน่อย
เปียโนไม่ใช่เหล็กนะ เดี๋ยวมันอาจจะหัก อะไรประมาณนี้นะคะ
ส่วนความหมายสุดท้ายคือ Calm down.;
Relax.; Do not get excited. ผ่อนคลายนิดนึง อย่าตื่นเต้นค่า
อ้างอิง : https://youtu.be/hk1AvFgOsSo
http://idioms.thefreedictionary.com/take+it+easy
อ้างอิง : https://youtu.be/hk1AvFgOsSo
http://idioms.thefreedictionary.com/take+it+easy
No comments:
Post a Comment