Thursday, October 29, 2015

[อังกฤษ 15] Going to the Hairdressers

เคล็ดลับภาษาอังกฤษที่ปิ่นเอามาฝากวันนี้ ก็คือ Going to the Hairdressers ก็จะพูดถึงคำศัพท์ และตัวอย่างประโยคที่เกี่ยวข้องกับการไปร้านตัดผมนะคะ
Barber = ช่างตัดผมผู้ชาย // Barbershop = ร้านตัดผมผู้ชาย
Hairdresser = ช่างที่ตัดผมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย // Hair Salon = ร้านที่ตัดผมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

I would like to get/have… หรือ I’d like to get/have…
- a cut (ตัดผม)
- a wash and cut (สระผม แล้วตัดผม)
- a wash, cut and dry (สระผม ตัดผม แล้วไดร์)
- a trim = a little cut (เล็มผม คือ ตัดออกไปไม่เยอะนะคะ)
- a perm มาจาก permanent ซึ่งแปลว่า ถาวร ไม่เปลี่ยนแปลงนะคะ  
ซึ่ง a perm คือ ถ้าผมเราหยิก นั่นคือ เราจะยืดผม หรือ ถ้าผมเราตรง ก็หมายความว่าเราจะดัดผม นะคะ

I’d like to get my hair…
- cut (ตัดผม)                                                                                              
- coloured (เปลี่ยนสีผม)                                                                         
- bleached (ทำสีให้อ่อนกว่าสีเดิม)                                                        
- dyed (เปลี่ยนสีผม เหมือนกับ coloured)                                           
- permed (ความหมายเหมือน perm แต่ในที่นี้เป็นคำกริยาค่ะ)        
- streaked (การทำไฮไลต์สีผมด้วยสีอื่น)
- styled (จัดแต่งทรง เช่น การทำผมลอนแบบชั่วคราว เพื่อไปงานปาร์ตี้)
- straightened (ยืดผม)
- curled (ดัดผม)
- layered (ตัดผมให้เป็น layer คือ เป็นชั้นๆ)


และ Idioms หรือสำนวนที่จะเอามาฝากในวันนี้ ก็คือ “Fingers crossed” means “Hope or wish for good luck”. คือการที่เราเอานิ้วชี้ไขว้กับนิ้วกลาง ปกติเค้าจะทำเพื่อหวังว่าจะโชคดีนะคะ คือ เป็นการแสดงความปรารถนาให้บังเกิดความโชคดีค่ะ ตัวอย่างประโยค เช่น Ron kept the fingers crossed before the exam.

และสำหรับคำศัพท์เกี่ยวกับ อย. ที่เอามาฝากก็คือ ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้สำหรับระดับปฏิบัติการ ระดับชำนาญการ และระดับชำนาญการพิเศษ นะคะ
ระดับปฏิบัติการ = Practitioner Level
ระดับชำนาญการ = Professional Level
ระดับชำนาญการพิเศษ = Senior Professional Level


อ้างอิง : http://www.youtube.com/watch?v=UEMr1RCW3bg&sns=em

Thursday, October 15, 2015

[อังกฤษ 14] How to take or give a message

เคล็ดลับภาษาอังกฤษที่ปิ่นเอามาฝากวันนี้ ก็คือ Telephone English : How to take or give a message ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 3 ที่ปิ่นจะมาพูดถึงเทคนิคการคุยโทรศัพท์เป็นภาษาอังกฤษนะคะ ซึ่งเมื่อครั้งที่แล้วปิ่นก็มีการพูดถึงบ้างแล้วกับการฝากข้อความนะคะ แต่วันนี้จะเป็นการเจาะลึกมากขึ้นค่า และจะพูดถึงประโยคที่เป็นการปิดบทสนทนาในการคุยโทรศัพท์ด้วยนะคะ
A: Would you like to leave a message? (แปลว่าคุณอยากจะฝากข้อความมั้ย?)
B: Yes, can you tell…………….that…………….called?
           (จากประโยคตรงนี้ ถ้าเราเป็นคนโทรไปหา “Peter” เราอาจจะพูดว่า can you tell Peter that I called?
             หรืออาจจะใช้ชื่อตัวเองแทน “I” ก็ได้ เช่น can you tell Peter that Pin called?)
      หรือจะเป็นการบอกให้อีกคนโทรกลับมาหาเราก็ได้ เช่น
      Yes, can you tell…………….to call me tonight/later?
             (can you tell Peter to call me tonight/later?)
     และเราอาจจะบอกเบอร์เพื่อให้เค้าโทรกลับโดยบอกเบอร์เรา เช่น
      She/He can reach me at 02-555-5555.
A: Hold on, let me grab a pen and paper. (ซึ่งตอนนั้นคนที่เราพูดด้วยอาจจะไม่มีปากกาและกระดาษ)
    Okay, what’s your number again? (ก็คือ ช่วยบอกเบอร์คุณอีกที)
แล้วเราก็บอกเบอร์เราไปอีกทีเพื่อให้อีกคนนึงจดนะคะ
หลังจากที่เขาจดเบอร์เสร็จแล้ว เขาอาจจะพูดว่า...
    Great! I’ll let her/him know you called. หรือ I’ll pass on the message. ก็ได้

ถ้ากรณีที่ไม่มีการฝากข้อความ
A: Would you like to leave a message?
B: No, that’s okay. I’ll try again later.

แล้วเราก็สามารถบอกลาด้วยประโยคง่ายๆ คือ
Okay. Take care. Bye. หรือ Thank you. Good bye. ซึ่งประโยคหลังจะค่อนข้างทางการกว่าประโยคแรก


และ Idioms หรือสำนวนที่จะเอามาฝากในวันนี้ ก็คือ “Cost an arm and a leg” The meaning is “Expensive, Cost too much money”. หรือ แพงมาก ตัวอย่างประโยค เช่น John’s father pays an arm and a leg for his car.

และสำหรับคำศัพท์เกี่ยวกับ อย. ที่เอามาฝากก็คือ “SPF” และ “PA” เป็นสองคำที่มีการถามเข้ามานะคะ ซึ่งสองค่านี้หลายคนอาจจะคุ้นเคยนะคะ เพราะเวลาที่เราเลือกครีมกันแดด เรามักจะดูที่ 2 ค่านี้เสมอ
โดย “SPF” ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าที่บอกถึงการปกป้องผิวจากรังสี UVB นะคะ ส่วน “PA” ย่อมาจาก Protection Grade of UVA ตรงตัวก็คือค่าที่บอกถึงการปกป้องผิวจากรังสี UVA นั่นเองค่า
ทั้งนี้สามารถไปอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับครีมกันแดดได้ที่ http://www.oryor.com/media/k2/pdfs/7269.pdf


Thursday, October 8, 2015

[อังกฤษ 13] Some important telephone expressions

เคล็ดลับภาษาอังกฤษที่ปิ่นเอามาฝากวันนี้ ก็คือ Some important telephone expressions ซึ่งจะพูดถึงประโยคที่ใช้บ่อยในการคุยโทรศัพท์นะคะ โดยการคุยโทรศัพท์โดยที่เราไม่สามารถเห็นสีหน้า หรือท่าทางของคนพูด จะทำให้เรารู้สึกวิตกกังวลได้ แต่ถ้าเราคุ้นเคยกับประโยคที่ใช้ในการคุยโทรศัพท์แล้ว เราก็จะสามารถเดาได้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไรอยู่ค่ะ
1.       Is ……(ชื่อของคน ที่คนที่โทรมา ต้องการคุยด้วย)……..there, please?
2.       Is ……(ชื่อของคน ที่คนที่โทรมา ต้องการคุยด้วย)……..in?
สองประโยคแรกจะไม่ค่อยทางการ/informal
3.       This is ……(ชื่อคนที่โทรไป)…… calling for ……(ชื่อของคน ที่คนที่โทรมา ต้องการคุยด้วย)……..
4.       May I please speak to ……(ชื่อของคน ที่คนที่โทรมา ต้องการคุยด้วย)……..?
สองประโยคต่อมาจะเป็นทางการ/formal

จากทั้ง 4 ประโยคข้างบน ถ้าคนที่โทรมา เขาโทรเพื่อจะคุยกับเรา ตัวอย่างเช่น คนที่โทรมาอาจจะถามว่า Is Pin there, please? ซึ่งตอนนั้นปิ่นเป็นคนรับโทรศัพท์พอดี ปิ่นก็จะตอบไปสั้นๆ ได้ว่า “speaking” ซึ่งก็แปลว่าปิ่นกำลังพูดอยู่นะคะ
หรือปิ่นอาจจะตอบว่า Pin’s speaking. How can I help you?
หรืออาจจะตอบว่า This is Pin. ก็ได้ค่ะ

แต่จากทั้ง 4 ประโยคข้างบน เขาไม่ได้โทรมาเพื่อจะคุยกับเรา แต่เขาโทรมาหาคนอื่น แต่ว่าเราเป็นคนที่รับโทรศัพท์พอดี เราก็จะสามารถตอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้
- One moment please.
- Just a moment please
- Hang on a sec I’ll get ……(ชื่อของคน ที่คนที่โทรมา ต้องการคุยด้วย)…….. เช่น ถ้าเขาต้องการคุยกับ Bob ปิ่นก็จะตอบไปว่า Hang on a sec I’ll get Bob. หรือ Hang on a sec I’ll get him.
ซึ่งทั้งสามประโยคนี้แปลว่า wait คือบอกให้เขารอ แต่ว่าประโยคที่ใช้นี้จะฟังดูสุภาพกว่าการที่เราบอกไปว่า wait
แต่ประโยคสุดท้ายจะดูไม่ค่อยทางการ Hang on a sec I’ll get …… ส่วนใหญ่จะใช้คุยกับเพื่อน ซึ่ง sec ในที่นี้ก็มาจากคำว่า second นั่นเองค่า
แต่ถ้าคนที่เขาต้องการคุยด้วยไม่อยู่ เราก็สามารถตอบไปว่า I’m sorry. He’s not here at the moment. หรือ I’m sorry. He’s not here right now.
Would you like to leave a message? หรือ Can I take a message? ซึ่งประโยคนี้แปลว่า คุณอยากจะฝากข้อความไว้มั้ย ประมาณนั้นนะคะ
                ทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวอย่างประโยคที่จะใช้ในการคุยโทรศัพท์ตามที่ปิ่นได้สัญญาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนะคะ


และ Idioms หรือสำนวนที่จะเอามาฝากในวันนี้ ก็คือ “Catch red-handed” The meaning is “to catch someone in the act of doing something wrong”. หรือ จับได้คาหนังคาเขา ตัวอย่างเช่น She was caught red-handed trying to steal a necklace. คือเขาถูกจับได้ตอนที่กำลังพยายามขโมยสร้อยคอ คือ จับได้คาหนังคาเขา

ศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ อย. วันละคำ (อย. ย่อมาจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
วันนี้แถมให้นะคะ เอามาฝากวันนี้ 2 คำ คือ ชื่อตำแหน่งของเลขาธิการฯ และรองเลขาธิการฯ ค่า
Secretary – General                           เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
Deputy Secretaries – General            รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา


Thursday, October 1, 2015

[อังกฤษ 12] Top Telephone Tips

เคล็ดลับภาษาอังกฤษที่ปิ่นเอามาฝากวันนี้ ก็คือ Top Telephone Tips เป็นเคล็ดลับง่ายๆ เกี่ยวกับการคุยโทรศัพท์นะคะ บางคนอาจจะรู้สึกไม่อยากคุยโทรศัพท์เป็นภาษาอังกฤษ เพราะเค้าไม่เห็นสีหน้า ท่าทางของคนพูด และบางครั้งเสียงผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ชัดเจน
1.       Don’t be direct – ให้ใช้ could, would, may ไม่ควรใช้ want เช่น
I want to talk to Mr.Bob. ซึ่งอาจจะฟังดูไม่ค่อยสุภาพ สำหรับคนที่ไม่รู้จักควรจะใช้ภาษาสุภาพมากขึ้น โดยการใช้ could, would, may เช่น May I speak to Mr.Bob? May I speak to Mr.Smith? Could you hold on a moment, please?
2.       Practice >> Practice makes perfect เคล็ดลับง่ายๆ นะคะ เราสามารถโทรเข้าไปที่ออฟฟิศวันที่เขาปิดทำการแล้ว take note สิ่งที่เราได้ยินในโทรศัพท์ แล้วลองโทรเข้าไปอีก 2-3 ครั้ง เพื่อเชคดูว่าสิ่งที่เราได้ยินนั้นใช่หรือไม่ หรือเราอาจจะฝึกกับเพื่อน หรือฝึกพูดหน้ากระจกก็ได้
3.       Spelling ซึ่งหลายครั้งที่เราต้องสะกดเวลาที่คุยโทรศัพท์ เช่น สะกดชื่อ นามสกุล หรือ สะกด e-mail โดยบางครั้งการสะกด บอก B E C แค่นั้นอาจจะทำให้คนฟัง ฟังได้ยากนะคะ ยกตัวอย่างการสะกดนะคะ เช่น เราจะบอกว่านามสกุลเราคือ Gram และเราจะสะกดให้เค้าฟัง เราก็บอกว่า My last name is “Gram” หลังจากนั้นเราก็สะกด G as in German, R as in Russia, A as in apple, M as in Malaysia ที่เราทำแบบนี้เพราะตัวอักษรในภาษาอังกฤษฟังดูคล้ายกัน ถ้าเราทำแบบนี้คนจะแยกได้ง่ายขึ้น
4.       Numbers หลายครั้งที่เราต้องจดตัวเลข ดังนั้นเราต้องฝึก เพื่อให้คุ้นเคยกับตัวเลข เช่น 30 vs 13, 50 vs 15 ตัวเลขตัวแรกท้ายเสียงจะสั้น แต่ตัวที่สองท้ายเสียงจะยาวกว่า
5.       Ask if you don’t understand. ถามเวลาที่เราไม่เข้าใจ ไม่ต้องอายเวลาที่เราไม่เข้าใจ เราอาจจะใช้ประโยคว่า I’m sorry. Could you repeat that? I’m sorry. Can you please slow down? My English is not strong. ซึ่งถ้าเราขอให้พูดช้าลง เราก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น
6.       Memorize key expression อย่างเช่น มีคนโทรเข้ามาขอสายจอห์น ซึ่งเราก็บอกไปว่าจอห์นไม่อยู่ และเราอาจจะถามเค้าต่อไปว่า May I ask who’s calling please? ซึ่งประโยคที่ใช้ในการคุยโทรศัพท์ส่วนใหญ่เป็นประโยคซ้ำๆ ถ้าเราจำประโยคที่จะต้องใช้ในการพูดโทรศัพท์ได้ ก็จะทำให้เราสามารถพูดคุยได้คล่องขึ้นนะคะ และสัปดาห์ต่อๆ ไป ปิ่นสัญญาว่าจะมีการพูดถึงประโยคต่างๆ ที่มีการใช้ในการคุยโทรศัพท์ค่ะ เผื่อว่าทุกคนจะได้จำเอาไปใช้ได้ง่ายขึ้นนะคะ
7.       Formal/ Informal เวลาที่คุยโทรศัพท์เราควรจะต้องรู้ว่าเวลาไหนควรใช้ภาษาทางการ และเวลาไหนสามารถพูดแบบไม่ทางการได้ ซึ่งเวลาที่เราคุยกับคนที่เราไม่รู้จักเลย หรือการติดต่องาน แน่นอนว่าเราต้องใช้ภาษาทางการ หรือ formal ในการพูดคุยอยู่แล้วนะคะ
8.       Smile เวลาที่เรายิ้มตอนคุยโทรศัพท์ น้ำเสียงเราก็จะยิ้มไปด้วย และคนที่คุยกับเราก็จะรู้สึกดีเวลาที่คุยกับเรา


และ Idioms หรือสำนวนที่จะเอามาฝากในวันนี้ ก็คือ “Mum’s the word” The meaning is “to say nothing, to keep quiet”. หรือ อย่าเปิดเผยความลับ


Google